ไม่รู้-ไม่ผิด
!
ทนายตุ๊แป๊ะแก้ทางมวยดีเอสไอ
อีกไม่นานก็รู้..หมู่
หรือ จ่า ?
อา..แสดงว่าคดีรถเบนซ์หรู
หรือรถโหล ของสมเด็จช่วงยังคงเดินหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่บู๊ล้างผลาญเหมือนก่อน
แต่ก็ยังไปได้แบบเรื่อยๆ มาเรียงๆ
เรื่องจะได้เข้าวังรับพัดสมเด็จพระสังฆราชก็คงจะวางโรดแม็ปกันยาว ไปจนกว่าบิ๊กตู่จะพ้นจากอำนาจโน่นแหละ
แต่ปีไหนก็ไม่รู้นะ เห็นว่าอย่างน้อยอีก 5
ปี เท่านั้น คุณวิษณุ เครืองาม แพลมมาเมื่อวานว่า
"คุณตู่น่าจะอยู่ได้ถึง 8
ปี" เพราะมีพรรค ส.ว. คอยค้ำเก้าอี้โดยไม่ต้องลงเลือกตั้ง
มันก็คือการปฏิวัติซ่อนรูปนั่นเอง ถามว่าเรามาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
ก็คงหาคนตอบยาก เพราะทักษิณก็บินไปไม่ยอมกลับ สนธิก็เข้าห้องขังไม่ยอมออก
แล้วจะหาคนบอกเรื่องราวได้จากไหน
ผู้รู้ในเมืองไทย นอกจากสองคนนี้แล้ว ก็ไม่น่าเชื่อว่าจะรู้แจ้งเห็นจริง เฮ้อ
! ลำบากเหลือเกินเมืองไทย

ต่างคนต่างไป !
ออก-เข้าไม่ได้
VS
เข้า-ออกไม่ได้
กดที่ภาพข้างต้นเพื่อฟังเพลง "ต่างคนต่างไป"
ของเท่ห์ อุเทน พรหมินทร์

ไม่ต้องรีบครับหลวงพ่อ คสช. เขาให้เวลาตั้ง 8
ปี
ทนาย
"หลวงพี่แป๊ะ"
หอบเอกสารยื่นโต้ดีเอสไอ
ยันรถหรูโบราณเสียภาษีไม่ได้เจตนาทำผิด
MGR Online -
ทนายความพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ เดินทางมาดีเอสไอ
ยื่นหลักฐานเอกสารคำเบิกความการเสียภาษีรถหรูโบราณ ยันไม่มีเจตนากระทำผิด
วันนี้ (5 ต.ค.) เมื่อเวลา
13.00 น. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์
ทนายความพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ
และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง
ผู้ต้องหาคดีครอบครองรถเลี่ยงภาษี ทะเบียน ขม 99
กรุงเทพมหานคร เดินทางมายื่นเอกสารต่อ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร
ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาคกรมสอบสวนคดีพิเศษ
โดยนำหลักฐานเป็นเอกสารคำเบิกความของ พ.ต.ท.เสฎฐ์สถิตย์ สุววรรณกูด
พนักงานสอบสวนดีเอสไอ และคำเบิกความของนายสันติ สุมาลัย
เจ้าหน้าที่กรมขนส่งจังหวัดอ่างทอง ต่อศาลจังหวัดตลิ่งชัน
กรณีการเสียภาษีในการซื้อขายรถคันดังกล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า
วันนี้ได้รับมอบหมายจากหลวงพี่แป๊ะเดินทางมายื่นเอกสารหลังจากดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาหลวงพี่แป๊ะว่าครอบครองรถคันดังกล่าวโดยเสียภาษีกรมสรรพสามิตไม่ครบถ้วน
ตามมาตรา 161 (1) ซึ่งตนจะมาชี้แจงประเด็นต่างๆ
1. นายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่ซ่อมรถโบราณ
เป็นคนขายรถให้กับ หลวงพี่แป๊ะ แต่ทางดีเอสไอยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาเลย
แสดงว่านายวิชาญยังไม่มีความผิด และหลวงพี่แป๊ะ
ในฐานะผู้ซื้อรถก็ไม่น่าจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาด้วย
ขณะที่ก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นหนังสือถึงดีเอสไอซึ่งบอกว่าเรื่องอยู่ระหว่างการสอบสวน
หากอยู่ระหว่างการสอบสวนจริงแต่กลับมาแจ้งข้อหาหลวงพี่แป๊ะในฐานะผู้ซื้อ
ทั้งนี้ ดีเอสไอยังไม่รู้เลยว่าคนขายเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่
ถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า 2.
คู่มือทะเบียนรถ หากตรวจสอบจากทะเบียนรถก็จะไม่ทราบว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่
เพียงระบุว่าเสียภาษีเท่านั้น โดยตนได้นำเอกสารเบิกความซึ่งเป็นคำให้การของ
พ.ต.ท.เสฎฐ์สถิตย์ และนายสันติ ซึ่งเมื่อปี 2554
รับราชการอยู่ที่สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานคร พื้นที่ 5
รับผิดชอบเกี่ยวกับรถคันดังกล่าวมาด้วย
ซึ่งทั้งสองท่านยอมรับไม่รู้ว่าเสียภาษีครบถ้วนหรือไม่ ดังนั้น
การดำเนินคดีบุคคลต้องรู้ว่าเสียภาษีไม่ครบถ้วน
ซึ่งหลวงพี่แป๊ะไม่มีเจตนาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ข้อหาที่ดีเอสไอแจ้งต่อหลวงพี่แป๊ะจึงปราศจากมูลความจริง
เบื้องต้น พ.ต.ท.กรวัชร์
ได้ลงมารับเอกสารด้วยตนเองเพื่อนำไปพิจารณา นอกจากนี้ ในวันที่ 11
ต.ค. 59
ทางศาลจังหวัดตลิ่งชันก็จะมีการสืบพยานของนายวิชาญ
เพื่อประกอบคำพิจารณาคดีต่อไป
ข่าว :
ผู้จัดการ : 5
ตุลาคม 2559 |