ส่งสัญญาณแตกหัก !
เจ้าคุณประสาน ออกหมัดแรก ของปี 59
ร่ายยาว..ตั้งสังฆราชวัดปากน้ำ
เตือน..อย่าทำระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท
ไม่งั้นอาจจะวุ่นวาย !
แปลว่า "ให้วัดปากน้ำขึ้นสังฆราชเสียโดยดี" จะได้ไม่มีปัญหาตามมา แบบว่า ถ้าไม่ยอมรับสมเด็จวัดปากน้ำ ทางฝ่ายมหานิกายก็จะไม่ยอมรับฝ่ายธรรมยุต ซึ่งก็คงจะเข้าตำรา ปี 28 ที่คณะสงฆ์ภาคอีสานทั้งหมด ได้ประกาศ "แยกนิกาย" ไม่ขึ้นกับมหาเถรสมาคม แต่จะขึ้นกับพระพิมลธรรม (อาจ) วัดมหาธาตุฯ พอประกาศแบบนี้ มหาเถรสมาคม (ฝ่ายสมเด็จฟื้น-วัดสามพระยา) ก็จำต้อง "ยอม" กลืนน้ำลาย ตั้งให้พระพิมลธรรม (อาจ อาสโภ ป.ธ.8) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ ขึ้นเป็น "สมเด็จพระพุฒาจารย์" เห็นไหม มันมีสูตรนะ เจ้าคุณประสารอยู่วัดมหาธาตุฯย่อมรู้สูตรรู้คูณ ครั้งนี้ ถ้าทางธรรมยุตทำยินดีไปรับตำแหน่ง "สังฆราช" ขัดกับ พรบ.คณะสงฆ์ ก็คงจะโดนโจมตีแล้วไม่ยอมขึ้นต่อสังฆราชธรรมยุต นี่เดาทางนะ เพราะเจ้าคุณประสารแก่เขียนว่า "ถ้าผิดฝาผิดตัว คือสมเด็จช่วงไม่ได้เป็นสังฆราช ก็จะมีพระสงฆ์กลุ่มหนึ่งประกาศแยกตัวออกจากการปกครอง" ซึ่งก็ต้องหมายถึง "มหานิกายจะมีสังฆราชเป็นของตนเอง" แบบว่า แยกเนื้อแยกน้ำ เอ๊ย ! แยกหัวแยกหางกันไปเลย ไม่ยอมอยู่แบบ "หนึ่งหัว สองหาง" อีกต่อไปแล้ว ปล่อยให้ธรรมยุตปกครองตัวเองเป็น "ชนกลุ่มน้อย" แข่งกับพวกม้งพวกแม้วไป เพราะนับสถิติมีแค่ 30,000 รูปเอง มหานิกายมีตั้ง 300,000 รูป แถมธรรมกายยังหนุนวัดปากน้ำแน่นปั๊ก ขนาดหลวงพ่อสดทองคำ หนักตั้ง "หนึ่งตัน" ยังยกให้ฟรีๆ ครั้งนี้ ถ้าจะอุ้มหลวงพ่อช่วงขึ้นสังฆราช ลงซัก "หมื่นล้าน" ก็คุ้มเกินคุ้ม ธัมมชโยทุ่มไม่อั้น แต่ขอเจ้าคุณให้ "มหาสมชาย" อีกซักคนเท่านั้น อิอิ !
ปล. พรุ่งนี้ท่านประสารอยู่ที่ไหนครับ เขาจะมารับท่านไปปรับทัศนคติ
การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 |
นับตั้งแต่การสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหารเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2556 เป็นเหตุให้ตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชว่างลง ตามกฎหมายต้องแต่งตั้งผู้ปฎิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535
คุณสมบัติของพระมหาเถร ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าว ต้องเป็นสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ (ได้รับการสถาปนาจากพระมหากษัตริย์เป็นสมเด็จฯก่อนสมเด็จฯรูปอื่นๆ) แน่นอน สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มีคุณสมบัติดังกล่าวครบถ้วน โดยได้รับการสถาปนาให้เป็นสมเด็จพระราชาคณะเมื่อปี พ.ศ.2538 ในขณะที่สมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสอันดับที่สองคือ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ วัดสัมพันธวงศาราม ได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะเมื่อปี พ.ศ.2544 ระยะเวลาสถาปนาเป็นสมเด็จพระราชาคณะห่างกันถึง 6 ปี
ขั้นตอนการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 ตามมาตรา 7 แห่ง พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 แก้ใขเพิ่มเติม พ.ศ.2535 ระบุไว้ว่า "พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังราชองค์หนึ่ง ในกรณีที่สมเด็จพระสังฆราชว่างลง ให้นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช..."
นัยของกฎหมายชัดเจนไม่ต้องส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อตีความ กล่าวคือ มหาเถรสมาคมเรียกประชุม (โดยประธาน) และมีมติเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ (พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาให้พระมหาเถรรูปไหนเป็นสมเด็จพระราชาคณะก่อนรูปอื่นๆ) เพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรี นำความขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20
ในมาตรา 7 ว่าด้วยการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชนี้ แม้ในวรรคท้ายจะระบุถึงกรณีถ้าหากสมมติว่า สมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้มีวิธีเสนอตามลำดับถัดไป ในกรณีสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ไม่มีปัญหาใดๆ ยังคงมีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ความจำ สติปัญญา ดีเยี่ยม
เจตนารมณ์ของกฎหมายและคณะสงฆ์ การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชชัดเจนว่า เป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ (พระมหากษัตริย์ทรงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่ง) พระราชอำนาจนี้มีมาตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยจวบจนถึงปัจจุบัน เจตนารมณ์ของกฎหมายนั้น ชัดเจนว่าสะท้อนมาจากวัฒนธรรม ประเพณี และราชประเพณี กล่าวคือในเมื่ออำนาจนั้นทรงเป็นของพระมหากษัตริย์ บุคคลธรรมดาและพระสงฆ์ต้องเคารพในพระราชอำนาจนั้น ไม่ควรทำให้เป็นที่ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท นี่ประการหนึ่ง
ประการที่สอง ที่บอกว่า ปฏิบัติตามราชประเพณีนั้นคือ พระสงฆ์เมื่ออยู่วัด ทำสังฆกรรม ทำกิจสงฆ์ ต้องเคารพนับถืออาวุโสตามพรรษา รูปไหนบวชก่อน บวชทีหลัง เช่น เข้าพรรษา ออกพรรษา ปลงอาบัติ เป็นต้น
แต่เมื่อมีงานที่เกี่ยวเนื่องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ที่จะต้องใช้พัดยศ ที่ได้รับพระราชทานมาจากพระองค์ พระสงฆ์จะนั่งตามลำดับพัดยศที่ได้รับพระราชทานมา คือตามลำดับอาวุโสโดยสมณศักดิ์นั่นเอง
การสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ที่กำหนดให้เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์ ก็สะท้อนถึงราชประเพณีที่เกี่ยวเนื่องกับคณะสงฆ์ในพระราชพิธีต่างๆ ของสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง
สำหรับประเด็นสะท้อนเจตนารมณ์ของคณะสงฆ์นั้น ชัดเจนว่าสังคมสงฆ์อยู่กันอย่างสงบร่มเย็น เคารพนับถือผู้ใหญ่ และอนุวัตรตามพระราชามหากษัตริย์ (อนุชานามิ ภิกฺขเว ราชูนํ อนุวตฺติตุ) ดังนั้น การจะสถาปนาสมเด็จพระราชาคณะรูปใดรูปหนึ่งขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช เป็นเรื่องใหญ่ เรื่องสำคัญ พระองค์จะทรงดำรงฐานะเป็นสังฆบิดร และนำความศรัทธาเลื่อมใสมาสู่พุทธศาสนิกชนทั้งมวล
สำหรับขั้นตอนและวิธีการที่จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ควรจะชัดเจน โปร่งใส ไร้ข้อกังขา และปิดช่องทางอื่นๆ ที่จะนำความเสื่อมมาสู่คณะสงฆ์
ปัจจุบันมีปัญหาอะไรในการสถาปนา ?
ปัจจุบันแม้จะดูว่าขั้นตอนการเสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ที่มีอาวุโสตามหลักเกณฑ์ จะยังไม่ดำเนินการโดยมหาเถรสมาคมก็ตาม
แต่ก็มีข่าวจากบุคคลบ้าง กลุ่มคนบ้าง ที่คอยโพสต์และแชร์ข่าว โจมตีคณะสงฆ์และสมเด็จพระราชาคณะผู้มีอาวุโสสูงสุดโดยสมณศักดิ์อยู่เนืองๆ
คนเหล่านี้เป็นใคร มีเป้าหมายเพื่ออะไร ลองตามดู
1. กลุ่มการเมือง แน่นอนว่ากลุ่มการเมืองบางสี บางพวก กำลังมุ่งโจมตีคณะสงฆ์อย่างหนัก กลุ่มนี้ประสานงานกันทั้งพระและฆราวาส การเล่นงานโจมตีคณะสงฆ์ก็ด้วยเหตุผลคือ
1.1 พวกเขามองว่าคณะสงฆ์ส่วนใหญ่ถือสี ถือข้างทางการเมืองต่างจากพวกเขา วิธีคิดแบบนี้จึงมโนไปถึงพระมหาเถรผู้ใหญ่ในคณะสงฆ์สงฆ์ด้วย ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จพระราชาคณะ รองสมเด็จพระราชาคณะ
1.2 พวกเขากำลังมีอำนาจรัฐในมือจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงโครงสร้างคณะสงฆ์ อำนาจหน้าที่ในทางสงฆ์และอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องให้สำเร็จในยุคนี้ให้จงได้ เช่น การปฏิรูปคณะสงฆ์ การแก้ไขกฎหมายสงฆ์ การแก้ไขระเบียบปฏิบัติต่างๆ และการเข้ามาก้าวก่ายกิจการงานของคณะสงฆ์ เป็นต้น 1.3 แนวคิดเรื่องอำนาจนิยมแบบการเมืองที่กลุ่มเขากำลังดำเนินการอยู่ วิธีนี้เบื้องต้นประมุขสงฆ์ต้องเป็นพระที่เขามั่นใจว่า พูดจาภาษาเดียวกันรู้เรื่องนี่เป็นบันไดขั้นแรกของการก้าวเข้ามามีอำนาจเหนือศาสนจักรของฝ่ายอาณาจักร
1.4 ยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแนวทางของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา เรื่องนี้สำคัญมาก ส่วนใหญ่ชาวพุทธมองข้ามประเด็นนี้ไป ซึ่งก็น่ากลัวมาก เป็นประเด็นใหญ่ คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนานั้น มีคุณูปการและเป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติ เป้าหมายหลักคือการช่วยให้หมู่สัตว์ทั้งปวงข้ามพ้นจากวัฏฏสงสาร โดยไม่เลือกหมู่เหล่า ชั้น วรรณะ
ปัจจุบัน คนกลุ่มนี้ พยายามทุกวิถีทางที่จะนำเอาคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนามารับใช้แนวทางของตนเอง เพื่อตนเองและคณะ โดยไม่คำนึงถึงวิธีการ ขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายเท่านั้น การกระทำเช่นนี้ จะนำความเสียหายมากน้อยแค่ไหนมาสู่สังคมและประเทศชาติ ไม่เคยใส่ใจตัวอย่างที่ชัดเจน ที่สุดก็เป็นเรื่องในทางการเมือง จะเห็นได้ว่า ฝ่ายที่กำลังมีอำนาจรัฐอยู่ในมือขณะนี้ กำลังห้ำหั่นคู่ต่อสู้ทางการเมืองให้แหลกลาญ โดยไม่ใส่ใจต่อกฎหมายและความถูกต้องชอบธรรมในระบบนิติรัฐ-นิติธรรม ที่ควรจะเป็น
นานาชาตินั้น มองเห็นความไม่ยุติธรรมของสังคมไทยเกลื่อนไปทั่วแผ่นดิน ผิดกลายเป็นถูก ถูกกลายเป็นผิด วิธีการแบบนี้ถูกจับมาวางทับซ้อนกับสังคมสงฆ์ในปัจจุบันจนมองเห็นได้ชัดเจน ถูกผิด ชั่วดี พระธรรมวินัย ไม่คำนึงถึง ขอให้เป็นพระของฉัน กลุ่มของฉัน
วิธีการแบบนี้คือบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาอย่างแยบยลที่สุด
การแยกพระออกเป็นฝักเป็นฝ่าย (สังฆเภท) เพียงแค่ขอให้บรรลุเป้าหมายของตนเองเท่านั้นก็พอ อาศัยให้พระเป็นเครื่องมือทางการเมือง ทำลายล้างกันทางการเมือง ส่วนพระจะทำอะไรเสียหายขนาดไหนก็ยอมรับได้ ขอให้เป็นพวกกัน จากนั้นก็จะหันเหแนวทางของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนามารับใช้แนวทางของตัวเอง จะโดยตั้งใจหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ตาม
นี่คือหายนะในวงการสงฆ์และพระพุทธศาสนาในสังคมไทย
2. กลุ่มไม่ศรัทธาในพระสงฆ์ กลุ่มนี้เมื่อมีเหตุการณ์อะไรในวงการสงฆ์ ก็พลอยจะซ้ำเติมด่าทออยู่เป็นนิตย์
3. กลุ่มมีผลประโยชน์ กลุ่มนี้มีทั้งผู้ได้ผลประโยชน์โดยตรงและโดยอ้อมจากเรื่องนี้
4. กลุ่มจ้องทำลาย พวกนี้รอทำลายพระสงฆ์และพระพุทธศาสนาอยู่แล้ว ได้ทีได้โอกาสก็ผสมโรงเข้าไปด้วยกัน
คณะสงฆ์มีปฏิกิริยาอย่างไร ?
ขณะนี้ พระสงฆ์ส่วนใหญ่ ล้วนมองเห็นและเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย แต่ก็เลือกที่จะนิ่งเฉย ไม่พูด ไม่แสดงออก มีเพียงบางรูป บางกลุ่มเท่านั้นที่ออกมาพูดจาตามโอกาส
ในเรื่องการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 นั้น พระสงฆ์ส่วนใหญ่ต่างมองตรงกันว่า ควรจัดการให้เป็นไปตามกฎหมายและครรลองของประเพณีปฏิบัติ พระ คน และกลุ่มบุคคลที่กำลังเคลื่อนไหวเพื่อเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ควรจะยุติ เพราะเป็นขั้นตอนปฏิบัติของกฎหมายและประเพณีปฏิบัติ ส่วนอำนาจที่แท้จริงนั้นเป็นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ เราเป็นข้าพระบาทในพระองค์ท่าน ควรสำนึกในสิ่งเหล่านี้
ถ้าผิดฝาผิดตัวจะเกิดอะไรขึ้น ?
โอกาสจะผิดฝาผิดตัว หรือผิดพลาดในเรื่องนี้น้อยมาก เพราะ
1. ชัดเจนในข้อกฎหมายและประเพณีปฎิบัติ
2. มหาเถรสมาคมเป็นผู้พิจารณา เสนอนามสมเด็จพระราชาคณะ ตามคุณสมบัติที่กฎหมายกำหนดอยู่แล้ว มส.คงไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายบ้านเมืองแน่นอน
3. คงไม่มีสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นใด ที่ไม่ต้องตามคุณสมบัติ จะต้องมาเสี่ยงเป็นตัวละครในเรื่องนี้ ไหนจะกฎหมาย ไหนจะประเพณีปฎิบัติ ไหนจะมารยาทและคุณธรรมอันดีงามระหว่างนิกาย (ย้อนกลับไปดูมารยาทและคุณธรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์-อาจ วัดมหาธาตุ และสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์-ฟื้น วัดสามพระยา) ในคราวสถาปนาสมเด็จพระญาณสังวร วัดบวรนิเวศวิหาร ขึ้นเป็นสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 19 ที่พึ่งถวายพระเพลิงไปเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 58 ที่ผ่านมา และในปัจจุบันสมเด็จพระราชาคณะทุกรูปทั้งสองนิกายก็ตระหนักในสิ่งนี้
สมเด็จฯทุกรูป มีศีลาจารวัตรที่งดงาม ไม่ด่างพร้อย เคารพในเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ และพร้อมรับองค์สังฆบิดรรูปใหม่ ปัญหาเกิดจึงจากคนอื่น มิใช่สมเด็จพระราชาคณะทั้ง 8 รูป
4. รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี คงไม่กล้าทำลายคณะสงฆ์ โดยการนำรายชื่อสมเด็จพระราชาคณะรูปอื่นขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 แน่นอน
นี่คือความจริง ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพึงตระหนักและให้ความสำคัญ
ข้อวิตกกังวลในเรื่องนี้ เกิดจากข่าวลือ ข่าววงใน และโลกโซเชียลมีเดีย ทั้งหลาย ที่โหมกระหน่ำโจมตีและจับแพะชนแกะอยู่ในขณะนี้ ดังนั้น ทุกฝ่ายควรรีบดำเนินการตามครรลองปฏิบัติ เพราะยิ่งปล่อยนานวันยิ่งไม่เป็นผลดีต่อคณะสงฆ์โดยรวม
และถ้าสมมุติว่าเกิดผิดฝาผิดตัวขึ้นมาจริงๆ จะเป็นอย่างไร ?
เรื่องนี้ก็เสี่ยงมาก เสี่ยงมากจริงๆ เสี่ยงที่จะเกิดความวุ่นวายในหมู่สงฆ์ และอาจจะเป็นชนวนเหตุให้อีกกลุ่มหนึ่ง นำไปกล่าวอ้างในการแบ่งแยกนิกายกันปกครองของคณะสงฆ์ไทยก็ได้ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน สถานการณ์ ณ เวลานี้ จึงถือว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของคณะสงฆ์ไทยในปัจจุบัน ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องพึงระมัดระวังและจงตระหนักให้ดี
พระเมธีธรรมาจารย์ |
ที่มา : เฟสบุ๊คปกป้องสังฆมณฑล : 1 มกราคม 2559