เอาจริงนะจ๊ะ !
เว็บไซต์ธรรมกายขึ้นป้ายหรา
ประกาศฟ้อง "แนวหน้า" ข้อหาหมิ่น
เอาให้เป็น "แนวหลัง" ไปเลย อิอิ !
บอกกับอนุบาลในฝันแล้ว
ว่าหลวงพ่อ..ไม่ยุ่งการเมือง ไม่อยากเด่นอยากดัง
เล่นน่ะไม่ยาก แต่ยากตรงที่เอาจริง
นะจ๊ะ นะจ๊ะ !
ที่มา : DMC.TV
21 มกราคม 2557
ไม่พอใจ !
ธัมมชโยไม่พอใจหนังสือพิมพ์แนวหน้า
หาว่าสมคบ "ทักษิณ" กินบ้านกินเมือง
ให้ทนายเอาเรื่องขึ้นศาล
เพื่อพิสูจน์ความยุติธรรม !
อา..การเมืองเรื่องสี บัดนี้ลามเข้าวัดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวัดอ้อน้อยหรือวัดพระธรรมกาย ใครผิด-ใครถูกนั้น ทางการเมืองมันว่ากันไม่ได้ เพราะการเมืองมีแต่ "ใครชนะ-ใครแพ้" เท่านั้น ดังนั้น ไม่ว่านักการเมืองจะสังกัดพรรคไหน ก็สันดานนักการเมืองเหมือนกัน พระก็เหมือนกัน ถ้ายุ่งการเมืองเมื่อไหร่ สันดานก็ไม่ต่างจากนักการเมือง เรื่อง "ทักษิณ-ธรรมกาย" ในวันนี้ คงจะต้องพิสูจน์กันอีกนาน ถึงคดีจะสิ้นสุดและทางธรรมกายเป็นฝ่ายชนะ แต่ต้องดูต่อไปในอนาคต ว่าสิ่งที่แนวหน้านำเสนอในวันนี้ จะจริงหรือไม่ เพราะบางที กว่าความจริงจะปรากฏ คนพูดความจริงก็ตายไปก่อนแล้ว นะจ๊ะ นะจ๊ะ !
พระเทพญาณมหามุนี
(ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว
ณ วัดพระธรรมกายลอนดอน
ด้านบน เป็นไตเติ้ลบทความออนไลน์ในคอลัม "จับได้ไล่ทัน" ทางหนังสือพิมพ์แนวหน้า ซึ่งผู้เขียนใช้นามว่า "ส.วิภาวดี" ได้เขียนพาดพิงถึงวัดพระธรรมกาย และทางประชาสัมพันธ์ของวัดพระธรรมกาย คือ พระสนิทวงศ์ วุฑฺฒิวฺโส ได้ประกาศผ่านเว็บไซต์ "พันทิป" โต๊ะศาสนา ว่าจะดำเนินการฟ้องร้องต่อหนังสือพิมพ์ฉบับนี้ เพื่อพิสูจน์ความจริงต่อไป ส่ว่นด้านล่างนี้เป็นบทความทั้งหมดที่อ้างถึง
ระบอบทักษิณสมคบธรรมกาย เดินแผนซึมลึกกลืนชาติ ?
จากคอลัมน์ "จับได้ไล่ทัน" โดย ส.วิภาวดี ทางหนังสือพิมพ์แนวหน้า |
แนวคิดเป้าหมายระบอบทักษิณก็คือ ผูกขาดอำนาจ ทั้งด้านผลประโยชน์และทางการเมือง โดยไม่คำนึงถึงวิธีการใช้และความถูกต้องชอบธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ขอเพียงให้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ ซึ่งไม่ต่างอะไรจากสำนักธรรมกาย ดังนั้น การจะบรรลุเป้าหมายจึงต้องขยายอำนาจอิทธิพล ยึดกุมกลืนทุกองคพายพของประเทศให้ได้ อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เพื่อที่จะสามารถใช้อำนาจทำทุกอย่างได้ตามอำเภอใจ ด้วยแนวคิดและเป้าหมายที่เหมือนกันระหว่างระบอบทักษิณกับสำนักธรรมกาย ทำให้ที่ผ่านมามีพฤติกรรมส่อไปในทางสมคบกัน หวังสร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่สนองเป้าหมายของตัวเอง
นอกจากแนวคิดที่สอดคล้องกันแล้ว ปูมหลังของสำนักธรรมกายยังผูกพันกับระบอบทักษิณอย่างลึกซึ้ง เพราะนายทุนคนสำคัญที่ก่อตั้งสำนักธรรมกายและให้การสนับสนุนระบอบทักษิณก็คือคนๆ เดียวกันที่เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง และเป็นมหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
ด้วยความสัมพันธ์ที่แนบแน่น จึงไม่น่าแปลกใจที่คดีอื้อฉาวเจ้าสำนักจานบิน ที่ถูกศาลชั้นต้นพิพากษามีความผิดฐานยักยอกเงินบริจาคของสำนักจานบินไปเกือบ 1,000 ล้านบาท แต่แล้วด้วยอำนาจอิทธิพลของนักโทษชายแม้ว ยุคเรืองอำนาจ ทำให้ในที่สุดมีการสั่งไม่ฟ้องเจ้าสำนักจานบินสุดอื้อฉาวต่อศาลอุทธรณ์เอาดื้อๆ
และไม่น่าแปลกใจเช่นกันที่ในช่วงเกิดวิกฤติการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เมื่อม็อบเสื้อแดงออกมาชุมนุมและใช้วิธีการรุนแรง เพื่อสร้างสถานการณ์หวังช่วงชิงอำนาจรัฐทั้งการก่อจลาจลทั่ว กทม. เมื่อปี 2522 หรือเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 มีรายงานข่าวและเสียงร่ำลือหนาหูว่า สำนักจานบินเป็นหนึ่งในฐานะบัญชาการและแหล่งพักรวมพลมวลชนเสื้อแดง ที่เคลื่อนขบวนจากภาคเหนือและภาคอีสาน ก่อนที่จะเคลื่อนกำลังเข้ามาปฏิบัติการใน กทม.
ระบอบทักษิณนอกจากมุ่งผูกขาดอำนาจ เข้าครอบงำทุกองคพายพของประเทศ ทั้งในหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจหรือสถาบันหลักต่างๆ ของชาติแล้ว ยังมีแนวคิดสอดคล้องกับสำนักธรรมกาย ที่พยายามล้างสมองคนทั้งประเทศให้คล้อยตามความต้องการในลัทธิของตัวเอง ที่ยึดวัตถุนิยมมากกว่าคุณธรรมจริยธรรม ด้วยแผนซึมลึกแผ่ขยายแนวคิดและอิทธิพล หวังครอบงำแม้แต่ในแวดวงการศึกษา และที่สำคัญคือพยายามเข้าครอบงำวงการศาสนา
แนวคิดที่ผิดเพี้ยนของสำนักธรรมกายถึงขนาดพยายามลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วสร้างแนวคิดลัทธิของตัวเองโดยยึดวัตถุและผลประโยชน์เป็นที่ตั้ง อาทิ การเผยแพร่แนวคิดที่ว่ายิ่งบริจาคเงินให้สำนักจานบินมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้บุญมากเท่านั้น ถึงขนาดเปรียบเทียบว่าหากบริจาคน้อยก็จะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นต่ำ หากบริจาคมากก็จะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นที่สูงขึ้น และยิ่งบริจาคมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้เสพสุขในสวรรค์ชั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ โดยนางฟ้าคอยปรนเปรอ
การแผ่ขยายเครือข่ายลัทธิจานบินใช้กลยุทธ์แบบธุรกิจและการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ รวมทั้งสอนให้คนเห็นแก่ตัวมองทุกอย่างเชิงผลประโยชน์ ซึ่งต่างจากหลักธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างสิ้นเชิง
อีกทั้งแนวคิดลัทธิจานบินยังผิดเพี้ยน ถึงขนาดเจ้าสำนักจานบินออกมาประกาศว่า สามารถถอดร่างไปคุยกับสตีฟ จอบส์ เจ้าของธุรกิจคอมพิวเตอร์ชื่อก้องโลก ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้
ความเคลื่อนไหวอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจและโยงใยไปถึงสำนักจานบินก็คือกรณีอื้อฉาวก่อนหน้านี้ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) ร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ เข้ายึดทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ที่ส่อพฤติการณ์ฉ้อโกงเงินของสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศกว่า 50,000 คนมูลกว่ากว่า 12,000 ล้านบาท โดยเชื่อว่าเงินมหาศาลเหล่านี้จำนวนไม่น้อยที่มีการยักย้ายถ่ายเทไปยังสำนักจานบิน ทั้งนี้ข้อสังเกตก็คือ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร ประธานคณะกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น คือศิษย์เอกและนายทุนคนสำคัญ ที่อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนสำนักจานบิน
การเข้าครอบงำล้างสมองโดยอาศัยการศึกษาเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณนั้นถึงกับมีข่าวว่า มีการใช้โรงเรียนและสถานศึกษาทั่วประเทศ เป็นเครื่องมือเผยแพร่สอดแทรกแนวคิดของระบอบทักษิณ เพื่อล้างสมองเยาวชน และล่าสุดมีข่าวว่า มีการอาศัยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีคำสั่งให้ครูทั่วประเทศเข้าร่วมการอบรมที่อ้างว่าเพื่อปลูกฝังด้านจริยธรรมบังหน้า ซึ่งแท้ที่จริงโครงการดังกล่าวดำเนินการโดยเครือข่ายสำนักจานบินหวังล้างสมองครูทั่วประเทศ
ความจริงแนวคิดเรื่องการแผ่ขยายอำนาจอิทธิพลเข้าครองงำวงการศาสนาของระบอบทักษิณมีมาตั้งแต่ยุค นักโทษชายแม้ว เรืองอำนาจถึงขนาดมีสร้างเครือข่ายในหมู่พระเถระชั้นผู้ใหญ่บางรูปและพยายามผลักดันให้มีตำแหน่งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งถือเป็นพฤติการณ์ส่อไปในทางจาบจ้างก้าวก่ายพระราชอำนาจเพราะตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชพระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้เลือก
แนวคิดความพยายามครอบงำวงการศาสนายังสะท้อนให้เห็นกรณีที่ม็อบคนเสื้อแดงบุกเข้าไปภายในโรงพยาบาลจุฬาฯและสภากาชาดไทยในเหตุการณ์ก่อการร้ายเผาบ้านทำลายเมืองเมื่อปี 2553 ทั้งๆที่สมเด็จพระสังฆราชทรงประทับรักษาพระอาการอาพาธอยู่ภายในโรงพยาบาลจุฬาฯ
ซึ่งจากการบุกโรงพยาบาลจุฬาฯ อย่างอุกอาจ ของม็อบเสื้อแดง นอกจากสร้างความตื่นตระหนกแล้ว ยังทำให้แพทย์และพยาบาลต้องย้ายสมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งบรรดาผู้ป่วยซึ่งหลายรายที่อาการโคม่าออกจากโรงพยาบาลจุฬาฯอย่างฉุกละหุกเพื่อความปลอดภัย ซึ่งต่อมาทรงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ย้ายสมเด็จพระสังฆราชไปประทับเพื่อรักษาพระอาการอาพาธที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นการชั่วคราว
จากพฤติกรรมของระบอบทักษิณ ซึ่งสมคบกับสำนักจานบิน คิดล้างสมองคนทั้งประเทศ ส่อพฤติกรรมที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์และอำนาจ หวังกลืนชาติ จึงถือเป็นความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา เพราะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสถาบันหลักและความมั่นคงของชาติ
|