แฉเบื้องหลัง
เจ้าคุณเหนาะเล่นบทโหด
สั่งปลดพรหมสิทธิ-ธงชัย !
ตอกย้ำ
"เสนาะผิด"
ทุกประตู

เมื่อภูเขาทองกลายเป็นภูเขาไฟ
ใครเล่าจะอยู่ได้ ต้องย้ายหนีสถานเดียว
บทความโดย...ใต้ร่มภูเขาทอง
ทำไมพรหมสุธี ถึงฆ่าน้อง
เรื่องราวที่สะเทือนวงการคณะสงฆ์มากที่สุดตอนนี้
หนีไม่พ้นเรื่องที่สังคมโซเชียลเน็ตเวิร์คเปิดประเด็นเจ้าอาวาสวัดดังร่ำรวยผิดปกติ
แต่ในบรรดาผู้คนใต้ร่มภูเขาทองไม่ให้ประเด็นเรื่องนี้เพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร
เป็นมาอย่างไร สิ่งที่ให้ความสนใจของคนใต้ร่มภูเขาทอง คือ
เอกสาร 19 หน้า
เบื้องต้นเอกสารฉบับนี้ถูกส่งไปถึงพระมหาเถระระดับปกครองทุกรูป
จากพิกัดเขตพื้นที่ปกครองของพระพรหมสุธี นั่นละ
และที่สำคัญสาระสำคัญในเอกสารฉบับนั้น น่าเชื่อถือมากกว่า 90
เปอร์เซ็นต์ ลงความหมายแบบชาวบ้านว่า มันคือ เรื่องจริง
ทำไม !!! จึงเกิด เอกสาร 19
หน้า ขึ้น???
ทำไม !!! จึงเกิด เพจ ตีแผ่ความจริง คนไร้คุณธรรม
ไร้ความเป็นผู้นำ ขึ้น ???
หลายคนรู้คำตอบเหล่านี้ดี แต่มีคำถามต่อว่า ใคร ? และ
เพื่ออะไร ??
ปัญหาทั้งหมดเกิดจากพระพรหมสุธี
นับแต่พระพรหมสุธียังเป็นพระมหาเสนาะ การกระทำทุกๆ
อย่างของท่าน สื่อถึงความเห็นแก่ตัวมานับแต่ต้นแล้ว เช่น
รับกิจนิมนต์คนเดียว ฉันข้าวคนเดียวในกุฏิ (เจ้แดง
เจ้จูทำหน้าที่ส่งกลับข้าว) กลับกันกับพรหมสิทธิๆ
เลี้ยงลูกน้องทุกคนภายใต้การบังคับบัญชาแบบไม่เคยขาดตกบกพร่อง
ทำงานร่วมกันดึกๆ ดื่นๆ ไม่เคยทิ้งลูกน้อง นั่งเฝ้า
หรือหมั่นโทรถามความคืบหน้าเป็นอย่างไร มีอะไรขาดบ้าง
เรียกได้ว่าอะไรถ้าเป็นปัญหา พอถึงพรหมสิทธิเป็นจบ ข้าวน้ำไม่เคยขาด
ใครทำงานให้ก็เลี้ยง ความขี้เหนี่ยวไม่เคยมี
นั่นคือสาเหตุที่น้องๆ
ทุกคนในสำนักรักและเคารพศิษย์พี่รองคนนี้เป็นพิเศษ
ทั้งกับพระด้วยกันและลูกศิษย์ใกล้ชิด นั่นคือที่ของความอิจฉา
เป็นที่รู้กันดีว่า
ความอิจฉาเริ่มเกิดมีจากพรหมสุธีตั้งนานมาแล้ว
มันก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ
จนสุดท้ายจุดแตกหักมันอยู่ที่งานหลวงพ่อสมเด็จ
ว่ากันว่าคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองหลายๆ คนคิดว่า
พรหมสิทธิคือว่าที่เจ้าอาวาสคนใหม่
ถึงกับมีกรณีว่ามีคนใหญ่คนโตในบ้านเมืองเข้าไปกราบเจ้าอาวาสคนใหม่แล้วหลุดปากว่า
หลวงพี่มาจากวัดไหนครับ....
และความอิจฉาที่ว่านี้ ปรากฏแบบเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุดก็คือ
วันที่ 29 กรกฏาคม 57
กลางที่ประชุมจัดงานครบรอบวันมรณภาพหลวงพ่อสมเด็จ
พรหมสุธีปลด 3 เจ้าคุณ (พรหมสิทธิ,
เมธีสุทธิกร และวิจิตรธรรมภรณ์)
ขุนศึกที่ผู้คนทั้งวงการคณะสงฆ์และบ้านเมืองให้ความเคารพและนับถือที่สุดว่า
คือยอดขุนศึกของหลวงพ่อสมเด็จ
สนองงานได้อย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง ดังผลงานที่ปรากฏที่ผ่านๆ
มา เช่น การสวดมนต์ข้ามปี ที่ริเริ่มโดยพระพรหมสิทธิ
สำนักงานส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมและความมั่นคงแห่งสถาบันชาติ
ศาสนาและพระมหากษัตริย์ และผลงานที่ประจักษ์ชัดที่สุดก็คือ
การส่งพระธรรมฑูตไปยังต่างประเทศทั่วโลก
ไม่แปลกที่ผลงานเหล่านี้จะทำให้ผู้คนรู้จักพรหมสิทธิมากกว่าพรหมสุธิ
ไม่แปลกที่ผลงานเหล่านี้จะทำให้พรหมสุธีเกิดความอิจฉาขึ้น
และความอิจฉาได้ตอกย้ำในกมลสันดานของพรหมสุธียิ่งเข้าไปอีก
คือการแจ้งความจับ 3 เจ้าคุณข้างต้น โดยข้อหาเรื่องโกงเงินวัด
นอกจากคำว่าอิจฉาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่พรหมสุธีมีคือ ความหูเบา
เบาเพราะฟังความเพียงจากพระพม่าข้างตัวท่าน
มีพระพม่าอยู่สองตัว ตัวหนึ่งอ้วน
(มันกินจุ กินแล้วก็นอนๆ
มีครั้งที่มันกิจทุเรียนจนเข้าโรงพยาบาลเพราะกินมากเกินไป)
ตัวหนึ่งชอบพูดแฮ่ๆ ไอ้ตัวนี้ละที่ได้รับพรจากหลวงพ่อสมเด็จว่า
ไอ้อัปปรีย์ หากใครที่สมควรโดนพระบาทบาทามากที่สุด
ก็คงหนีไม่พ้น ไอ้พม่าอัปปรีย์ตัวนั้น (รายละเอียดในเอกสาร 19
หน้า)
ไอ้พม่าอัปปรีย์ผัวอีอรตัวนี้ละที่คอยยุยงส่งเสริมเป่าหูอยู่ตลอดว่าควรทำอย่างไร
และอนิจจาท่านก็เชื่อมัน.....
ไม่แปลกที่จะมีใครสักคนจัดทำเพจตีแพร่ความจริงขึ้นมา
และไม่แปลกที่เอกสาร 19 หน้า จะปรากฏต่อสายตาของสังคม
ไม่ใช่เป็นการเอาคืนจากพรหมสิทธิ
เพราะพรหมสิทธิทั้งสั่งทั้งบอกลูกน้องเสมอๆ
หลังเกิดเรื่องขึ้นว่า ถอยออกมาแบบเงียบๆ
อย่าให้คนภายนอกรู้ว่าเราทะเลาะกัน เราไม่ได้ทะเลาะด้วย
ให้เขาดิ้นฝ่ายเดียว ใช้รูปแบบหลวงพ่อสมเด็จ คือนิ่ง ใครด่า
ใครว่าอย่างไรก็นิ่ง การกระทำจะเป็นตัวบอกว่าเราบริสุทธิ อย่าให้เสียชื่อเสียงที่หลวงพ่อสมเด็จสั่งสมมา
จะทำอะไรต้องนึกถึงหลวงพ่อสมเด็จก่อนเป็นอันดับแรก
แต่มันเกิดขึ้นเพราะความรักและความปราถนาดีของลูกศิษย์ของพรหมสิทธิ
พรหมสุธียกเรื่องเงินขึ้นใส่ความ 3 เจ้าคุณ
ต้นสายปลายเหตุมาจากไหน มาจากความเห็นแก่ตัวของพรหมสุธีนั่นละ
เรื่องราวมันเป็นมาอย่างไร
เป็นที่ทราบกันว่าพรหมสุธีขี้เหนียวเห็นแก่ตัวมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
ขนาดกับข้าวไปสวดไปฉันแล้วโยมถวายมาเน่าคาห้องนักต่อนักแล้ว (เงินยังปลวกขี้นเลย)
ยิ่งในบรรดาลูกศิษย์ผู้ที่ถูกใช้งานใกล้ชิดก็รู้ถึงกิตติศัพท์เรื่องความขี้เหนียวที่ว่านี้ดี
และการเรื่องนี้หลวงพ่อสมเด็จก็ทราบดี (อ่านรายละเอียดเรื่องนี้ได้ในเอกสาร
19 หน้า) นั่นทำให้หลวงพ่อ
ให้จัดการทำบัญชีแยกแต่ละหน่วยบำเพ็ญกุศล
ให้ผู้ที่ได้รับหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละหน่วยจัดการเอง
ทำอย่างไรให้คนรู้จักวัดและเข้าวัด
และใช้เงินแต่ละหน่วยนั่นละบริหารจัดการเอง ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่
การที่จะเบิกเงินจัดทำอะไรจากพรหมสุธีเป็นเรื่องยากมาก
ทำให้เกิดบัญชีแยกออกจากบัญชีกลางของวัดขึ้นมา
นั่นละคือเหตุผลที่พรหมสุธีบอกคนทั่วไป เงินไม่เข้าวัด
และเลยไปถึงเรื่องงานสำนักงานส่งเสริมฯ
ถึงขนาดกับบอกคนทั่วไปว่าเป็นสำนักงานเถื่อน เอาเงินมาจากไหน
ใช้อย่างไร ทำไมไม่รู้เห็นด้วย
แต่ข้อนี้ก็ตกไป เพราะหลวงพ่อสมเด็จผูกเงื่อนสำคัญไว้ให้
คือให้น้องชายพรหมสุธีช่วยดูแลกำกับการเบิกจ่ายเงินทั้งหมดอีกทีหนึ่ง
ทำให้สืบมาสืบไปยังไงก็พันแข้งพันขาตัวพรหมสุธีอยู่นั่นละ
สุดท้าย ในฐานะคนหนึ่งที่เคยอาศัยใต้ร่มเงาของภูเขาทอง
ไม่เคยติดใจกับเรื่องราวที่เป็นข่าวเรื่องความร่ำรวยของท่านหรอก
เพราะพวกเรารู้ดีอยู่แล้วว่ามันคืออะไร
แต่ติดใจเพียงแค่ว่า ทำไมท่านใช้ระยะเวลาเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งปี
ทำลายสิ่งที่หลวงพ่อสมเด็จสร้างมาทั้งชีวิต
ท่านไม่รักหลวงพ่อเหรอ !!!
ท่านไม่รักพี่น้องของท่านเหรอครับ !!!!
ท่านทำสังฆเภทแล้วครับ....
ท่านทำให้ภูเขาทองแตกออกเป็นสองฝ่าย
ท่านจะอยู่ได้อย่างไรกับพระพม่าตัวอัปปรีย์ข้างตัวท่าน
ท้ามกลางการแวดล้อมของหมู่สงฆ์ที่เพียบพร้อมด้วยจริยาวัตรที่หลวงพ่อสมเด็จสร้างขึ้นมา
หลวงพ่อสมเด็จทำให้สงฆ์วัดเราดูสวยงาม
ทั้งการนุ่งห่มและปิยวาจา
ไม่ว่าพระวัดสระเกศจะก้าวเข้าไปในสงฆ์หมู่ไหน
สงฆ์หมู่นั้นก็งดงามขึ้นด้วยจริยาวัตร ดังที่กล่าวมา
สุดท้าย จึงเห็นสมควรนิมนต์ท่านครับ
นิมนต์ให้ท่านลาและละเถิดครับ
ลาจากความเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อสมเด็จ ละจากความเป็นเจ้าอาวาส
ลาสิกขาไปใช้เงินที่ครอบครัวของท่านสร้างไว้ให้
เปิดทางให้ผู้มีบารมีที่คู่ควรขึ้นมาสนองงานที่ค้างคาของหลวงพ่อสมเด็จ
ให้สืบอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวไปและเผยแพร่ให้กวางไกลออกไป
และท่านไม่มีคุณสมบัติอะไรเลยที่จะจัดทำภาระนี้ให้เสร็จตาม
ปนิธานของหลวงสมเด็จ
ขอนิมนต์ครับ
ใต้ร่มภูเขาทอง
ที่มา
: พันทิป
28 สิงหาคม 2557