|
หมายเหตุอะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ครั้งที่ 3 กรณีตั้งเจ้าคณะภาค 1
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ.2546 มีลิขิตสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก แต่งตั้งให้ พระราชรัตนมงคล (มนตรี อภิมนฺติโก) อายุ 43 พรรษา 23 วิทยฐานะ นักธรรมเอก ประโยค 1-2 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร ศิษย์ก้นกุฏิของสมเด็จพระสังฆราชมาแต่สมัยยังเป็นสามเณร ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม
เมื่อข่าวการแต่งตั้งกระจายออกไป พระเถระผู้ใหญ่ทั้งในฝ่ายมหานิกายและธรรมยุต ได้ออกมาแสดงความเห็นในทางไม่เห็นด้วย ทั้งในเรื่องอายุพรรษาของพระราชรัตนมงคล ซึ่งแม้จะผ่าน 20 พรรษาไปแล้ว แต่เมื่อเทียบกับตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมแล้ว ก็เห็นว่า "ยังเด็กเกินไป" รวมทั้งสมณศักดิ์ของพระราชรัตนมงคลซึ่งยังไม่สูงส่งเพียงพอต่อการดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม อันเป็นตำแหน่งในองค์กรสูงสุดคือมหาเถรสมาคม เสมือนคณะรัฐมนตรี ซึ่งจะมีอำนาจในการบริหารและปกครองคณะสงฆ์ทั้งประเทศ และสุดท้าย พระผู้ใหญ่ในฝ่ายธรรมยุตก็ได้หาทางออก โดยการ "ขอคืน" พระลิขิตนั้น ส่งผลให้การแต่งตั้งพระราชรัตนมงคลตกไป ถึงกระนั้น การแต่งตั้งครั้งนั้นก็ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์คณะสงฆ์ไทยไปแล้ว บ้างว่าเป็นพระลิขิตปลอม บ้างว่าพระราชรัตนมงคลมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตน บ้างว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงฟั่นเฟือนถูกคณะศิษย์ครอบงำ ไม่สามารถปฏิบัติศาสนกิจได้ตามปกติ ฯลฯ ซึ่งข่าวเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผลลบต่อองค์สมเด็จพระสังฆราชและคณะสงฆ์วัดบวรนิเวศวิหาร
อย่างไรก็ดี การขอคืนพระลิขิตนั้น ก็ได้ระงับความเสียหายอันจะเกิดจากการดำรงตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคมของพระราชรัตนมงคล มิให้ลุกลามเลยเถิด ถึงทุกวันนี้ก็ยังน่าชื่นชมพระเทพสารเวที (บุญยนต์ ปุญญาคโม) เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ที่กล้าหาญดึงฟืนออกจากกองไฟเสียแต่ต้นดังกล่าว นับเป็นเป็นแบบอย่างอันดีงามของสังฆมณฑลไทยมาจนถึงปัจจุบัน
วันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2547 มีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยรัฐบาลได้อ้างเหตุผลว่า "โดยที่พระสุขภาพทรุดโทรมลงตามพระวัสสายุกาล สมควรจัดให้ประทับพักผ่อนเพื่อรับการถวายดูแลรักษาโดยคณะแพทย์อย่างเต็มที่และต่อเนื่องไม่มีภาระงานใดๆ มารบกวน จนก่อให้เกิดความตรากตรำหรือความกังวลพระทัย อีกทั้งเพื่อรักษาความต่อเนื่องของการบริหารพระศาสนามิให้ต้องสะดุด เพราะขาดผู้รับผิดชอบวินิจฉัย สั่งการหรือบังคับบัญชา ประการสำคัญคือ เพื่อเป็นการรักษาพระเกียรติยศ มิให้มีผู้อ้างพระสุขภาพหรือพระอาการประชวร กระทำการใด อันอาจก่อความเสียหายหรือแอบอ้างนำพระบัญชา พระลิขิต หรือพระนามไปแสวงหาประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น"
จึงแต่งตั้งให้
"สมเด็จพระพุฒาจารย์
วัดสระเกศ"
เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช
แต่ในวันที่ 20 เมษายน พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีมติมหาเถรสมาคม โดยสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นประธาน ได้แต่งตั้งให้พระโสภณปริยัติเวที (สายชล ฐานวุฑฺโฒ ป.ธ.9) อายุ 45 พรรษา 25 ตำแหน่งผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม และรองเจ้าคณะภาค 1 ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 ปกครองคณะสงฆ์ใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรปราการ และแต่งตั้งให้พระศรีศาสนวงศ์ (มีชัย วีรปญฺโญ ป.ธ.9) อายุ 46 พรรษา 25 ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดหงส์รัตนาราม ให้ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะภาค 1 อีกด้วย
เมื่อมติมหาเถรสมาคมดังกล่าวแพร่ออกไป ก็เกิดเสียงโจษจันจากพระภิกษุสามเณรในทุกระดับ นับตั้งแต่ประเทศไทยไปจนทั่วโลก ในทำนองไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าว ด้วยเห็นว่าพระภิกษุสองรูปนี้ยังอ่อนพรรษาและบารมีเมื่อเทียบกับตำแหน่งเจ้าคณะภาคหนึ่ง ซึ่งเคยมีการแต่งตั้งพระมหาเถระขึ้นดำรงตำแหน่งในอดีต ทั้งนี้เพราะพระโสภณปริยัติเวทีนั้นเป็นเพียงพระราชาคณะชั้นสามัญ แถมยังมีตำแหน่งทางการปกครองเป็นเพียงผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดชนะสงครามเท่านั้น
จากวันที่ 20 เมษายน 2554 ถึงวันนี้ (11 พฤษภาคม 2554) เป็นเวลา 21 วันแล้ว เสียงสะท้อนของสังคมสงฆ์ไทยทั่วโลก คงได้ยินไปถึงหูของคณะกรรมการมหาเถรสมาคมอันมีสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นประธานแล้ว แต่ยังไม่มีปฏิกิริยาจากทางมหาเถรสมาคมว่าจะได้ทบทวนมติดังกล่าว ให้สอดคล้องต้องกันกับความมุ่งหวังของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศ ที่อยากได้พระเถระผู้เพียบพร้อมด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิขึ้นดำรงตำแหน่งดังกล่าว
ทราบข่าวว่า มหาเถรสมาคมได้เลื่อนการประชุมในวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 ไปเป็นวันที่ 20 พฤษภาคม 2554 แทน ดังนั้น ถ้านับจากวันนี้ (11 พ.ค.) ไปจนถึงวันที่ 20 ก็เหลือเวลาอีกเพียง 9 วัน ซึ่งจะมีการประชุมมหาเถรสมาคม และอาจจะมีการหยิบยกปัญหาว่าด้วยการแต่งตั้งเจ้าคณะ-รองเจ้าคณะภาค 1 ขึ้นมาพิจารณาในวันนั้นด้วย
ถ้ามหาเถรสมาคมนำมติดังกล่าวมาพิจารณาทบทวน แล้วแต่งตั้งพระมหาเถระผู้เหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งแทน และโยกให้พระโสภณปริยัติเวทีและพระศรีศาสนวงส์ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม ก็แสดงว่ามหาเถรสมาคมยังมีคุณธรรมสามารถเป็นที่พึ่งพิงของพระภิกษุสามเณรในสังฆมณฑลนี้ จะควรคู่แก่การดำรงตำแหน่งในการปกครองสังฆมณฑลและควรแก่การสรรเสริญไปตราบนานเท่านาน
แต่ถ้ามหาเถรสมาคมไม่ยอมหยิบยกขึ้นมาพิจารณา หรือหยิบยกแต่ยังยืนยันมติเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเห็นว่าความเห็นของพระพรหมโมลีนั้นชอบแล้ว ก็แสดงว่ามหาเถรสมาคมไม่ได้สนใจต่อหัวอกหัวใจของพระภิกษุสามเณรผู้ใต้บังคับบัญชา จึงดึงดันเหยียบย่ำดูถูก ประหนึ่งว่าพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศเป็นทาสที่จะกระทำอย่างไรก็ได้ โดยไม่ต้องฟังเสียงอะไรเลย ทำผิดระเบียบประเพณีอันดีงามก็ยังกล้า และท้าทายต่อกระแสโลภาภิวัฒน์อันเชี่ยวกราก ก็คงยากที่พระภิกษุสามเณรทั่วโลกจะให้ความเคารพนับถือในองค์กรปกครองสงฆ์ที่ชื่อว่า "มหาเถรสมาคม" ภายใต้การนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตามเหตุผลที่มีการแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราชนั้น ก็คือ ทรงชราทุพลภาพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ ป.ธ.9) วัดสระเกศ จึงได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และดำรงตำแหน่งประธานกรรมการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่งอีกด้วย
แต่เมื่อมหาเถรสมาคมโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ปล่อยให้ชื่อของพระโสภณปริยัติเวที ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาค 1 โดยที่ยังมีพระเถระ-พระมหาเถระอีกมากมายที่เหมาะสมกว่า ก็แสดงให้เห็นว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์นั้น แก่เฒ่าเลอะเลือนเกินกว่าที่จะควบคุมการประชุมมหาเถรสมาคมได้แล้ว จึงปล่อยให้มีการลักไก่อย่างมโหฬาร เมื่อเป็นเช่นนั้น ความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็คงจะเป็นอันสิ้นสุด เพราะท่านเองก็ชราทุพลภาพไม่ต่างจากสมเด็จพระสังฆราชไปเสียแล้ว
เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา มหาเถรสมาคม โดยการเสนอของพระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 ให้ปลดพระเทพเวที (ยิ้ม ภทฺรธมฺโม ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดอนงคาราม ออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาส ด้วยข้อหา "บกพร่องในหน้าที่อย่างร้ายแรง" ซึ่งในตอนท้ายนั้น สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้กล่าวว่า "พระเทพเวทีไม่น่ามาเสียคนตอนแก่เลย"
แต่หลังจากนั้นมาอีกเพียง 3 เดือน มหาเถรสมาคม ภายใต้การนำของสมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็ได้ออกมติตั้งให้พระโสภณปริยัติเวทีขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าคณะภาคหนึ่ง ท่ามกลางกระแสคัดค้านของพระภิกษุสามเณรทั่วประเทศและทั่วโลก
วันที่ 20 พฤษภาคม ศกนี้ จะเป็นวันชี้ขาดว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ จะมาเสียคนตอนแก่ เหมือนเคยว่าให้พระเทพเวทีหรือไม่ ?
อะลิตเติ้ลบุ๊ดด่ะ ดอทคอม วัดไทยลาสเวกัส 11 พฤษภาคม 2554
|
www.alittlebuddha.com วัดไทย ลาสเวกัส 2920 McLeod Dr. Las Vegas Nevada 89121 USA (702) 384-2264 |