คุก ! เสี่ยอู๊ด

คดีสมเด็จเหนือหัว ศาลไม่ให้ประกันตัว

นายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่ศาลอาญา พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสิทธิกร บุญฉิม หรือเสี่ยอู๊ด อายุ 36 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัทไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด อยู่บ้านเลขที่ 147 แขวงราชบพิธ เขตพระนคร กทม. และบริษัทไดมอนด์ ฮิลล์ จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 ตามลำดับ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโฆษณาโดยใช้ข้อความที่จะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับสินค้า และโดยใช้ข้อความที่ใช้หรืออ้างอิงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์โดยไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต ไม่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค หรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม, ร่วมกันใช้เครื่องหมายราชการโดยไม่ได้รับอนุญาต และเลียนเครื่องหมายราชการให้ปรากฏที่วัตถุ หรือสินค้าใดๆ

คำฟ้องโจทก์บรรยายสรุปว่า เมื่อระหว่างเดือน พ.ย.-ธ.ค. 2550 จำเลยทั้งสองได้หลอกลวงประชาชนด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อความจริง โดยร่วมกันจัดสร้างพระเครื่องใช้ชื่อว่า “พระสมเด็จเหนือหัว” นับล้านองค์ พวกจำเลยได้โฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อจำหน่ายพระสมเด็จเหนือหัวให้ปรากฏแก่ ประชาชนว่ามูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีโครงการสร้างอุโบสถ “สองกษัตริย์” ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 8 และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ณ วัดโสดาประดิษฐาราม จ.ราชบุรี โดยมูลนิธิดังกล่าวได้จัดสร้าง พระสมเด็จเหนือหัวจากมวลสารดอกไม้พระราชทานและผ้าไตรพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จำเลยทั้งสองยังได้นำตราเครื่องหมายพระมหามงกุฎอันเป็นเครื่องหมายราชการของสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง และเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน พิมพ์ประทับให้ปรากฏไว้ที่ด้านหลังขององค์พระสมเด็จเหนือหัวทุกองค์ ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าพระสมเด็จเหนือหัวจัดสร้างขึ้นโดยมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ฯ และการจัดสร้างดังกล่าวได้รับพระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หรือมีความเกี่ยวข้องกับพระมหากษัตริย์

ทั้งที่มูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ฯไม่ได้เป็นผู้จัดสร้าง หรืออนุญาตให้พวกจำเลยจัดสร้าง อีกทั้งการจัดสร้างพระสมเด็จเหนือหัว รวมถึงการจัดสร้างอุโบสถสองกษัตริย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลดังกล่าว ก็ไม่ได้รับพระบรมราชานุญาต และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ได้ พระราชทานดอกไม้เพื่อใช้เป็นมวลสารในการสร้างพระดังกล่าวแต่อย่างใด จนทำให้ประชาชนที่เข้าร้องทุกข์ในคดีนี้จำนวน 926 คน หลงเช่าซื้อพระสมเด็จเหนือหัว รวมเป็นเงิน 4,039,818 บาท และมีประชาชนรายอื่นที่ไม่ได้ร้องทุกข์หลงเช่าซื้อเป็นเงินอีก 167 ล้านบาท หากมีการจำหน่ายไปโดยตลอดจำเลยทั้งสองจะมีรายได้สูงถึง 1,600 ล้านบาท

การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฉ้อโกงประชาชน ต่างกรรมต่างวาระ รวม 926 กรรม ชั้นสอบสวนจำเลยให้การปฏิเสธ คดีนี้จำเลยทั้งสองมีพฤติการณ์สร้างพระขายเพื่อผลประโยชน์ตนเอง อาศัยความศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาและความจงรักภักดีของพสกนิกรชาวไทยที่มีต่อองค์พระมหากษัตริย์ ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติยศ อาจเอื้อมมิบังควรอย่างยิ่ง จำเลยยังหาได้สำนึกถึงความผิดและยำเกรงไม่   ขอให้ศาลได้ลงโทษจำเลย ทั้งสองสถานหนัก

ศาลจึงประทับรับฟ้องพร้อมสอบคำให้การจำเลย จำเลยแถลงให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้จัดเตรียมทนาย-ความไว้แก้ต่าง ศาลจึงนัดตรวจพยานหลักฐานในคดีวันที่ 4 ส.ค.นี้ เวลา 09.00 น. ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้อง พร้อมหลักทรัพย์เป็นโฉนดที่ดินย่านแขวงสามเสนใน เขตพญาไท เนื้อที่ 1 งาน 7 ตารางวา ราคาประเมิน 4,897,000 บาท ยื่นขอประกันตัว

ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำการโดยแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงมาเป็นประโยชน์ส่วนตน โดยอาศัยโอกาสที่ประชาชนเคารพนับถือ เลื่อมใส ศรัทธาต่อสถาบันเบื้องสูง มิได้คำนึงถึงความเดือดร้อนเสียหายของประชาชน ทั้งยังก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่เคารพยิ่ง พฤติการณ์ของจำเลยนับเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่สมควรอนุญาตปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในช่วงเช้าที่อัยการนำตัวมายื่นฟ้องต่อศาล นายสิทธิกรมีสีหน้ายิ้มแย้ม ทักทายสื่อมวลชนอย่างเป็นกันเอง แต่หลังจากทราบว่าศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว นายสิทธิกรถึงกับมีอาการเซื่องซึม กระทั่งเวลา 17.20 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายสิทธิกรหรือเสี่ยอู๊ด ไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ในสภาพถูกใส่กุญแจมือ โดยมีผ้าพันปิดบังไว้ สีหน้าบอกบุญไม่รับ มีเพียงทนายความยืนรอส่งขึ้นรถเรือนจำ
 

ข่าว : ไทยรัฐ
22 มิถุนายน 2551